5 เคล็ดลับเลือกซื้อ ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ที่ใช่สำหรับคุณในปี 2022
คุณกำลังมองหาลู่วิ่งไฟฟ้าดีๆ สักเครื่อง หรือกำลังลังเลว่า จะซื้อ ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ยอมเสียเวลาอ่านบทความนี้เพียงสัก 5 นาที รับรองว่าคุณจะได้ลู่วิ่งไฟฟ้าดีๆ กลับมาแน่นอนครับ
ลู่วิ่งไฟฟ้า (Treadmill) ถือเป็นเครื่องออกกำลังกายสำหรับคาร์ดิโอที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นการออกกำลังกายพื้นฐานที่ทุกคนคุ้นเคยและสามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย แต่คุณจะมั่นใจได้ยังไงว่า เครื่องออกกำลังกายหรือลู่วิ่งไฟฟ้าที่คุณกำลังมองหาอยู่นั้น ดี และเหมาะกับคุณจริงๆ
วันนี้ S.Nano Gym Tech มีเคล็ดลับการวิธีเลือกลู่วิ่งไฟฟ้า 5 ข้อ ที่ช่วยให้คุณรู้ข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้นมาฝากกันครับ
1. เลือกตามน้ำหนักตัว
ทราบมั้ยครับว่า น้ำหนักตัวของเรามีความสัมพันธ์กับมอเตอร์ของลู่วิ่งไฟฟ้า (Treadmill) นะครับ ดังนั้น วิธีเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าสักเครื่อง นอกจากน้ำหนักของตัวเรายังต้องดูไปถึงมอเตอร์ของเครื่องด้วยเช่นกัน ซึ่งแรงม้าที่ให้กำลังในการรองรับน้ำหนักที่แตกต่างกันด้วย ซึ่งมีวิธีคำนวณง่ายๆ ดังนี้ครับ
ตัวอย่างเช่น
การคำนวณน้ำหนักที่ลู่วิ่งสามารถรองรับได้เวลาวิ่งของเรา คือ ให้เอาน้ำหนักจริง คูณ 3 และนำไป หาร 2 จะได้น้ำหนักที่แท้จริงที่ลู่วิ่งจะรองรับได้ ยกตัวอย่างเช่น น้ำหนักผู้ใช้ 87 Kg. คือ 87 x 3 / 2 = 130.5 Kg. เมื่อได้ตัวเลขเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถนำตัวเลขดังกล่าว ไปเปรียบเทียบที่สเป็คของลู่วิ่งนั้นๆ ได้เลย
นอกเหนือจากน้ำหนักที่ลู่วิ่งรองรับได้ ก็ยังมีขนาดของมอเตอร์ ที่เป็นอีกส่วนนึงที่ช่วยให้การเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าของเราเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยให้นำมาเปรียบเทียบกับขนาดมอเตอร์ด้านล่าง เพื่อเลือกให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัวของเราได้เช่นกัน ตามนี้ครับ
-
สำหรับน้ำหนักที่ลู่วิ่งรองรับได้ 50 – 70 Kg. ให้เลือกลู่วิ่งที่มี มอเตอร์ขนาด 1.5 แรงม้าขึ้นไป
-
สำหรับน้ำหนักที่ลู่วิ่งรองรับได้ 80 – 100 Kg. ให้เลือกลู่วิ่งที่มี มอเตอร์เริ่มต้นขนาด 3.0 แรงม้า
-
สำหรับน้ำหนักที่ลู่วิ่งรองรับได้ 100 – 150 Kg. ให้เลือกลู่วิ่งที่มี มอเตอร์ขนาด 3.5 แรงม้าขึ้นไป
-
กรณีน้ำหนักที่ลู่วิ่งรองรับได้มากกว่า 150 Kg. ให้เลือกลู่วิ่งที่มีกำลังมอเตอร์ 4 แรงม้าขึ้นไป หรือเลือกลู่วิ่งในเกรดสินค้าฟิตเนส เพื่อให้รองรับการใช้งานได้อย่างเหมาะสม
หากเราเลือกลู่วิ่งที่ไม่เหมาะสมตามน้ำหนักตัวเราแล้ว สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ คือ ขณะที่เราใช้ลู่วิ่งจะเกิดอาการ สายพานกระตุก หรือเครื่องอืดเวลาวิ่ง และยิ่งไปกว่านั้นอาจจะส่งผลเสียกับมอเตอร์ลู่วิ่งได้ในอนาคต ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ค่อนข้างสูงพอสมควร ดังนั้นในเมื่อเราตั้งใจจะลงทุนกับสุขภาพแล้ว จึงอยากให้ทุกคนมองในส่วนนี้เป็นสำคัญด้วยนะครับ
2. เลือกตามจำนวนผู้ใช้และความถี่ในการใช้งาน
-
วิธีเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าสำหรับใช้กันเองในครอบครัว
สำหรับลู่วิ่งที่ใช้ภายในบ้าน จะรองรับการใช้งานได้ต่อเนื่อง ได้ไม่เกิน 3 – 4 ชั่วโมงต่อวัน และเปิดใช้งานได้นานสูงสุดต่อรอบ 99 นาที (ขึ้นกับการตั้งค่าของแต่แบรนด์ ไม่เท่ากัน) เป็นค่ามาตรฐานอุปกรณ์ที่ทางโรงงานใส่มาให้เพื่อความปลอดภัยกับตัวเครื่องและผู้ใช้งาน ถ้าเราใช้งานมากกว่านี้ ลู่วิ่งในบ้านจะไม่เหมาะ ต้องขยับไปใช้ลู่วิ่งเกรดฟิตเนสแทน
-
วิธีเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าสำหรับใช้ในฟิตเนส
สำหรับลู่วิ่งเกรดฟิตเนส (Commercial Treadmill) เครื่องจะถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานหนักและต่อเนื่องประมาณ 10 – 12 ชั่วโมงต่อวัน หรือสำหรับผู้ใช้ 20 – 50 คนต่อวันนั่นเองครับ
3. เลือกตามงบประมาณ
เนื่องจากลู่วิ่งไฟฟ้านั้นมีราคาตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสนบาท ซึ่งขึ้นอยู่กับสเป็คเครื่องและยี่ห้อสินค้า ดังนั้น การที่เราจึงควรใช้ข้อมูลในข้อ 1 และ 2 มาพิจารณา เพื่อหาเครื่องที่เหมาะสม และให้อยู่งบที่กำหนดไว้ เพราะจะทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และอย่าลืมสอบถามโปรโมชั่นกับทางร้านค้า รวมถึงถามข้อมูลของลู่วิ่งไฟฟ้าเครื่องที่คุณสนใจให้มากที่สุด เพื่อที่เราจะได้สินค้าตามงบที่ตั้งไว้ พร้อมกับการใช้งานที่ครอบคลุมกับความต้องการของเราครับ
4. เลือกตามแบรนด์สินค้า
เราจะพบว่า แบรนด์เครื่องออกกำลังกายลู่วิ่งไฟฟ้าในท้องตลาดมีเยอะแยะมากมาย ดังนั้น ไม่ง่ายเลยที่เราจะรู้ได้ว่า ลู่วิ่งไฟฟ้ายี่ห้อไหนดีและคุ้มค่ากับการใช้งานของเราได้มากที่สุด แต่สิ่งที่เป็นหลักประกันถึงความน่าเชื่อของแบรนด์ได้นั้น ต้องมี 4 อย่างนี้ครับ
1. ต้องเป็นยี่ห้อที่มีมาตรฐานการผลิต โดยดูได้จากจะมีใบรับรอง [Certificate] จากโรงงาน
2. ต้องมีใบรับประกันสินค้าที่ระบุการรับประกันชัดเจน
3. เลือกซื้อกับร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของยี่ห้อนั้นๆ และต้องมีการจดทะเบียนการค้าอย่างชัดเจน
4. เลือกแบรนด์สินค้าที่มีวางขายอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ อย่างเช่น Supersports, Sportworld, HomePro, The Mall เป็นต้น เพราะห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่เลือกสินค้ามาขายนั้น เขาจะต้องมองถึงคุณภาพของสินค้าเป็นสำคัญ เพื่อชื่อเสียงและความมั่นใจของกลุ่มลูกค้าของเขานั้นเอง ดังนั้นจุดนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง
เหตุผลที่ต้องมี 4 ข้อนี้ นั่นก็เพื่อความน่าเชื่อถือและความมั่นใจของเราในการส่งเคลมสินค้า รวมถึงการเรียกร้องในกรณีที่ร้านค้าไม่ทำตามสัญญาในการรับประกันสินค้านั่นเองครับ
5. เลือกจากร้านที่เชื่อถือได้มีที่อยู่ที่ติดต่อได้ และ มีบริการหลังการขาย
หากคุณจะตัดสินใจซื้อเครื่องออกกำลังกายสักเครื่อง นอกจากตัวลู่วิ่งไฟฟ้า (Treadmill) ที่เหมาะกับคุณแล้ว การเลือกร้านให้ถูกก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันครับ อย่างที่บริษัทของเรา มีความแตกต่างจากบริษัททั่วไป ตรงที่ปกติแล้วลู่วิ่งไฟฟ้าตามท้องตลาดจะรับประกันมอเตอร์ 2 – 3 ปี แต่ที่ S.Nano Gym Tech เราให้คุณได้มากกว่า ดังนี้ครับ
-
รับประกันมอเตอร์ถึง 5 ปี และมีอะไหล่สำรองต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 7 ปี ถึงแม้สินค้าจะตกรุ่นไปแล้ว
-
บริการหลังการขาย On Site Service ภายในระยะประกัน 1 ปี ฟรี!! (นอกประกันค่าบริการเริ่มต้นที่ 800 บาท/ครั้ง ไม่รวมค่าอะไหล่)
-
หลังหมดประกัน ลดราคาอะไหล่ 20% สำหรับลูกค้าเดิม ที่ซื้อสินค้ากับทางร้านโดยตรง
-
บริการส่งสินค้าได้ภายใน 2 – 3 วันทำการในพื้นที่กทม. และ 5 – 7 วันทำการสำหรับพื้นที่ต่างจังหวัด
-
บริการส่งประกอบติดตั้งฟรี รัศมี 150 กิโลเมตรจากร้านค้า (นอกพื้นที่มีค่าจัดส่งโดยคิดตามระยะทางจริง)
มาถึงตรงนี้ คุณคงคิดว่า แล้วทำไมไม่ไปซื้อในห้าง หรือ Marketplace ชื่อดัง ทำไมซื้อกับทางบริษัทเรา ถึงคุ้มกว่ากับราคาที่จ่ายไป มาดูคำตอบของข้อสงสัยนี้กันครับ
มีบริการหลังการขาย?
หลายๆครั้งจะได้ยินปัญหาของลูกค้า เรื่องบริการหลังการขายอยู่ตลอดเวลา ลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาซ่อมบางเคส ประกันยังมีอยู่แต่ติดต่อร้านที่ซื้อไม่ได้แล้ว หรือติดต่อแล้วช่างไม่มาสักทีต้องรอนานเป็นเดือนๆ หรือบางเคสก็ไม่มีประกันสินค้า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่สำคัญและทางเราให้ความสำคัญกับปัญหานี้ พร้อมเตรียมทีมช่างผู้ชำนาญงาน พร้อมให้บริการหลังการขายอย่างรวดเร็ว เข้าหน้างานภายใน 2-3 วันหากเครื่องมีปัญหา
ประหยัดงบประมาณกว่า?
เพราะในห้างสรรพสินค้านั้น จะมีการคิดกำไรขั้นต้นกับผู้ขาย ซึ่งเป็นภาระที่ค่อนข้างสูงสำหรับผู้วางขาย ทำให้ผู้วางขายจำเป็นต้องตั้งราคาสูงกว่านี้มาที่ลูกค้าอีกต่อนึง ด้วยการบวกราคาเพิ่ม ทำให้ราคาในห้างจึงสูงกว่าท้องตลาด ในขณะที่สเป็คของเครื่องเท่ากันหรือด้อยกว่า สามารถเช็ครุ่นและราคาที่คุ้มกว่าได้ที่นี่เลยครับ ลู่วิ่งไฟฟ้า
รวดเร็วกว่า! ที่ S.Nano Gym Tech เราสามารถบริการได้รวดเร็วกว่าร้านอื่นและห้างสรรพสินค้า ด้วยระบบ Smart Process ในการบริหารจัดการสินค้า และการจัดส่ง ที่สามารถส่งสินค้าได้รวดเร็วใน 2 – 3 วันทำการ
การดูแลที่มากกว่า! บริการหลังการขายที่เข้าถึงคุณได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการแชทโดยตรงที่พร้อมตอบคุณภายใน 24 ชั่วโมง และสามารถส่งทีมงานเข้าพื้นที่ภายใน 2 – 3 วันทำการ เมื่อเครื่องออกกำลังกายของคุณมีปัญหา หรือแม้แต่การให้ข้อมูลและแนะนำ ทางเรา S.Nano Gym Tech ก็ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกรณีครับ ง่ายๆ เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE Official ID: @SNANOGYMTECH หรือที่ลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
“สุดท้ายนี้หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อย ในการประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ ลู่วิ่งไฟฟ้าที่เหมาะสมกับทุกคนนะครับ“